ประวัติ หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว
หลวงปู่เหรียญ สุวรรณโชติ หรือ สมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานที่ พระโสภณสมาจารย์ อมตเถราจารย์ขลังแห่งลำน้ำแม่กลองที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกก้นกุฏิที่มีความใกล้ชิด หลวงปู่ยิ้ม มากที่สุดเหนือกว่าศิษย์องค์อื่นๆ ด้วยท่านเป็นศิษย์ที่คอยรับใช้ปรนนิบัติอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์นับตั้งแต่อุปสมบทกระทั่งถึงองค์อุปัชฌาย์มรณภาพ ระยะเวลานานถึงประมาณ 15 ปี จึงเป็นที่วางใจของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ยิ่งนัก สรรพวิชาการต่างๆได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น ไม่มีปิดบัง ดังนั้นความแข็งขลังศักดิ์สิทธิ์ในพุทธาคมของท่านจึงมีดีพิเศษไม่ด้อยกว่าศิษย์องค์อื่นๆของหลวงปู่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย
เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ.2419 ตรงกับ แรม ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด เป็นบุตรชายของ พ่อโผ-แม่แย้ม นามสกุล รัสสุวรรณ มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน
เกิดในครอบครัวชาวไร่ชาวนา ไม่ได้ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่ก้อไม่ได้เดือดร้อน ด้วยต่างช่วยกันทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยสุจริตซึ่งท่านเองก้อได้ช่วยเหลือบิดา-มารดาเลี้ยงชีพตามวิสัยชาวชนบทในขณะนั้นที่ยังไม่มีความเจริญเหมือนดังปัจจุบัน
แต่กระนั้น ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้ ชอบศึกษาหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอไม่เคยขาด เมื่อมีเวลาว่างจากภารกิจการงานทางบ้าน ด้วยความเอาใจใส่กับการศึกษาเล่าเรียน ทำให้ท่านมีความรู้ ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม อ่านออกเขียนได้คล่องแคล่วไม่ติดขัด
ปี พ.ศ. 2440 อายุได้ 21 ปี อุปสมทบ ณ พัธสีมาวัดหนองบัว มี หลวงปู่ยิ้ม จนฺทโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายาว่า สุวรรณโชติ
หลังการอุปสมทบ ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดหนองบัว เพื่อปรนนิบัติพระอุปัชฌาย์ตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ ด้วยความเอาใจใส่ จึงทำให้เป็นที่รักใคร่ของผู้เป็นอาจารย์ยิ่ง ทั้งยังเล็งเห็นว่าศิษย์ผู้นี้ สามารถเป็นที่พึ่งพิงของเหล่าพุทธบริษัทได้ในอนาคตเบื้องหน้า ด้วยเป็นผู้ใฝ่รู้ในการศึกษาอย่างตั้งใจจริง ทั้งยังเป็นผู้มีเชาว์เฉลียวฉลาดสามารถเรียนรู้ และจดจำได้อย่างรวดเร็ว จึงได้ถ่ายทอดวิชาการความรู้ต่างๆให้อย่างไม่ปิดบัง ทั้งปริยัติธรรม สมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน วิชาการแจนงต่างๆรวมถึงพุทธาคม
ซึ่งวิชาการต่างๆเหล่านั้น ท่านก้อได้สึกษาเล่าเรียนด้วยความตั้งใจ เอาใจใส่ ทำให้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว จดจำได้อย่างแม่นยำ ใช้การอย่างได้ผล ยิ่งทำให้พระอุปัชฌาย์พอใจ วางใจ และมอบหมายให้ปฏิบัติแทนในบางครั้ง ดังปรากฏในบันทึกของหลวงปู่เหรียญใจความตอนหนึ่งว่าเมื่อฉันได้บวชแล้ว ได้อยู่กับหลวงพ่ออุปัชฌาย์ยิ้มองค์นี้ ถึง 15 พรรษา เป็นคนก้นกุฏิรับใช้ท่าน ท่านได้ใช้ให้ลงตะกรุดบ้าง ลงผ้ายันต์บ้าง ทำเลขยันต์บ้าง ปลุกเสกทำน้ำมนต์บ้าง และเมื่อท่านจะมรณภาพได้มอบ ตำรับตำราทุกอย่าง ฉันได้ใช้มาจนบัดนี้…
คุณประการต่างๆเหล่านั้น เป็นประจักษ์ทำให้มั่นใจได้ว่า ท่านเป็นเอกอุ ไม่เป็นรองเถราจารย์ผู้เข็มขลังท่านใดในลุ่มน้ำแม่กลองอย่างแน่นอนมิเช่นนั้นอมตเถราจารย์อย่างท่านหลวงปู่ยิ้ม คงไม่วางใจมอบหมาย หน้าที่ให้ปฏิบัติแทนเป็นแน่
ปีพุทธศักราช2455 ภายหลังหลวงปู่ยิ้มได้ถึงแก่มรณภาพ ขณะนั้นท่านอายุได้ 36 ปี พรรษา 15 จึงได้นับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าอาวาสวัดหนองบัว สืบต่อมาด้วยเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พัฒนาพระอารามให้เจริญรุ่งเรือง บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุที่เสื่อมโทรมตามกาลเวลาให้กลับมามีสภาพมั่นคง สามารถประกอบศาสนกิจ และศาสนพิธีได้ดั่งเดิม รวมถึงการอบรมสั่งสอนศีลธรรมอันดีงาม นำความสงบร่มเย็นแก่ชุมชนโดยรวมเป็นที่สุด
ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม สมดังเป็นพุทธบุตร และคุณูประการต่างๆจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ต่างๆตามลำดับ สมณศักดิ์ครั้งหลังสุดที่ได้รับพระราชทาน ได้แก่ สมณศักดิ์ที่ “พระโสภณสมาจารย์”
หลวงปู่เหรียญ สุววรณโชติ ได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2503 รวมสิริอายุได้ 84 ปี 63 พรรษา รวมระยะเวลาเป็นเจ้าอาวาสถึง 48 ปี