ประวัติ หลวงปู่รัศมี สำนักสงฆ์หนองแดง

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่รัศมี ธมฺมจาโร

หลวงปู่รัศมี ธมฺมจาโร มีนามเดิมว่า รัศมี มังสี ท่านเกิดในตระกูลชาวนา ณ บ้านหนองบัวคำ
ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เมื่อวันจันทร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ตรงกับวันแรม 11 ค่ำเดือน 1 ปีเถาะ บิดาชื่อคุณพ่อกอง มังสี มารดาชื่อคุณแม่อบ มังสี มีพี่น้องร่วมกัน 7 คน
1. นางทองสี มังสี
2. นางแจ้ง มังสี
3. นายคำพี มังสี
4. นางสีพัน มังสี
5. นายสี มังสี
6. นายรัศมี มังสี (หลวงปู่รัศมี ธมฺมจาโร)
7. นายเหมือย มังสี
เมื่อสมัยยังเด็ก ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านชอบไปวัดฟังพระเทศนาอยู่บ่อยครั้ง ท่านชอบละเว้นซึ่งการฆ่าสัตว์ ชอบทำบุญทำทาน มีจิตใจใฝ่ในพระพุทธศาสนา ท่านเข้าเรียนในโรงเรียนจนจบชั้นปะถมศึกษา 4 เมื่ออายุครบบวชเณรจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ในปี พ.ศ. 2483 อายุ 13 ปี ณ วัดบ้านดงขวาง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม อยู่ศึกษาพระธรรมวินัย บาลี จนแตกฉาน
บรรพชาอุปสมบท
ท่านอุปสมบทครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2490 ณ วัดปราโมทย์ บ้านคำเตย ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม
โดยมีพระอุปัชฌาย์จวง เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูคำไหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ท่านอยู่ศึกษาพระธรรมวินัย วิปัสสนากรรมฐานอยู่กับพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง แล้วออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ จนไปถึงจังหวัดสกลนคร ได้ไปเข้ากราบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แม่ทัพธรรมแห่งพระกรรมฐาน หลวงปู่มั่นท่านได้ให้คำสอนบอกให้ปฏิบัติและภาวนากับหลวงปู่รัศมี หลวงปู่ท่านก็รับคำสอนนั่นมาปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด ก่อนที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จะแนะนำให้ไปอยู่กับหลวงฝั้น อาจาโร เพื่อศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงปู่ฝั้นเป็นเวลา 3 ปี ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านนาอ้อย ช่วยสร้างพระอุโบสถจนแล้วเสร็จ จึงกราบลาพระอาจารย์ออกธุดงค์ข้ามไปยังฝั่งลาว เพื่อออกปลีกวิเวกในการปฏิบัติกรรมฐาน
จนสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ พระมหากษัตริย์ของประเทศลาวในสมัยนั่นได้มาเจอกับหลวงปู่ที่เป็นพระหนุ่ม แต่เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในองค์ท่านจึงกราบนิมนต์ให้อยู่ในวัดที่นั่นเป็นเวลานาน 4 เดือน ให้อยู่สอนกรรมฐานอบรมจิตใจชาวบ้าน ท่านจึงออกธุดงค์อีกครั้งหนึ่ง ข้ามกลับมายังฝั่งไทยเพื่อกลับมาบ้านเกิด ทางบ้านให้ท่านมาช่วยงานภายในบ้าน ท่านจึงตัดสิ้นใจลาสิขาบทออกมาเพื่อช่วยงานทางบ้าน ได้ใช้ชีวิตฆราวาส ตามปกติของปุถุชนทั่วไป
บรรพชาอุปสมบทครั้งที่ 2
หลวงปู่รัศมี ธมฺมจาโร ท่านได้เข้าสู่รมกาสาวพัสตร์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2505 ณ วัดบ้านนาโสก ตำบลนาโสก อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันจังหวัดมุกดาหาร )
โดยมี พระครูสิริรัตนโพธิคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูอโสกสันติคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอินทร์ อินทปัญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จากนั่นหลวงปู่ท่านออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆจนถึงวัดบ้านนาโด่ จึงจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ เป็นเวลา 5 ปีจนได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านนาโด่ อยู่จำพรรษาพัฒนาวัดเป็นเวลา 13 ปี ไปมาหาสู่หลวงพ่อแพงตา เขมมิโย วัดประดู่วีรธรรมอยู่บ่อยครั้ง เนื้องด้วยท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับหลวงพ่อแพงตา จึงไปขอศึกษาธรรมและมนต์พิธี อีกทั้งหลวงพ่อแพงตาได้สอนวิธีการสร้างพระให้หลวงปู่รัศมี เป็นเวลาหลายปีก่อนที่ท่านจะออกธุดงค์ไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเวลา 3 ปี แล้วออกธุดงค์ไปยังจังหวัดตราด ที่เขาดินดำ ต.แสนสุข
อ.บ่อไร่ จ.ตราด จนมีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในองค์ท่านถวายที่ดินให้จัดสร้างวัด 50 ไร่ เป็นป่าหวายรกทึบ ท่านจึงพาชาวบ้านพัฒนาให้เกิดความเจริญมากมายจนแล้วเสร็จเป็นวัด ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้เป็นเวลา 20 กว่าปี ท่านจึงบอกกับชาวบ้านว่าจะกลับไปจำพรรษาที่บ้านเกิด จึงเดินทางกับมาสร้าวัดที่จังหวัดนครพนม วัดหนองพอก ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม สร้างวัดนี้ให้เจริญเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไปมากมาย
ปัจจุบันท่านจำพรรษาที่สำนักปฏิบัติธรรมป่าช้าบ้านหนองแดง อายุ 91 ปี 56 พรรษา