ประวัติ หลวงปู่ทองสา วัดสิงห์ทอง
วันเสาร์ที่ 1 เม.ย.2566 น้อมรำลึกครบรอบ 100 ปี ชาตกาล “พระครูมงคลสิริธำรง” หรือ “หลวงปู่ทองสา สุคันโธ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสิงห์ทอง บ้านหมูม่น หมู่ 9 ต.ดอนเตย อ.นาทม จ.นครพนม พระอาจารย์สายวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ยังเป็นพระเถราจารย์ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เมตตาแก่สาธุชนชาวพุทธไทยและลาวให้ความเลื่อมใสศรัทธา
มีนามเดิมว่า ทองสา สุทธประภา ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2466 พื้นเพเป็นชาว ต.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด บิดา-มารดาชื่อนายเนียม และนางจันทา สุทธประภา เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 4 คน
ในวัยหนุ่มช่วงครองตนเป็นฆราวาสใช้วัวและกระบือเทียมเกวียน เดินทางฝ่าเทือกเขา ภูพาน ใช้เวลารอนแรมนาน 1 เดือน จึงเดินทางมาถึง อ.นาทม จ.นครพนม
เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2525 ที่อุโบสถวัดสิงห์ทอง ต.ดอนเตย อ.นาทม จ.นครพนม โดยมีพระครูรัตนวิมลญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระพรหมมา สุขวโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสีไพ จิตตทันโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนกับพระอาจารย์บุญศรี และพระอาจารย์บุญมาก ฝึกปฏิบัติ ธรรมกัมมัฏฐานที่สำนักปฏิบัติธรรมที่ ต.นาถ่อน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นานหลายปี
ต่อจากนั้นจึงมาปักหลักที่วัดสิงห์ทอง ต.ดอนเตย เพื่อฝึกปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานนาน 30 ปี จวบจนพัฒนาวัดเจริญรุ่งเรืองสืบมา
ลำดับสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2557 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูมงคลสิริธำรง
ด้านวัตถุมงคล ลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธา จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นเหรียญ 2 รุ่น คือ รุ่นชนะจนและเหรียญพญาเต่า ปัจจุบันเป็นที่เสาะแสวงหาของนักอนุรักษ์ยิ่งนัก
เป็นพระเกจิสายกัมมัฏฐานที่มีความเมตตาสูงส่งไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จึงมีลูกศิษย์ในฝั่งไทยและลาวเคารพเลื่อมใสศรัทธา ท่านยัง เป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งของ อ.นาทม จ.นครพนม
เคยปรารภกับลูกศิษย์ ทิ้งไว้เป็นคติธรรมคำสอนว่า “การทำดีจะต้องดีจากภายในสู่ภายนอก ถึงจะเรียกว่าดี พูดให้น้อยทำให้มาก ศรัทธาและบารมีจึงเกิด”
กระทั่งปีที่ผ่านมา มีญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา บริจาคที่ดินป่าดอนม่วง ต.ดอนเตย เนื้อที่ 8 ไร่ เพื่อจะให้ก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ อยู่ระหว่างสร้างสิมน้ำวัดหนองม่วง สาขาวัดสิงห์ทอง ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์และญาติโยมใน อ.นาทม แต่ยังไม่ทันตั้งชื่อก็มรณภาพเสียก่อน
ก่อนที่จะละสังขาร อาพาธด้วยโรคชรามานานหลายปี มีโรคประจำตัวคือโรคความดันโลหิตสูง มีอาการหอบเหนื่อยอ่อนแรงเนื่องจากชราภาพและมีอายุมากแล้ว
กระทั่งวันที่ 30 พ.ค.2563 เวลา 17.30 น. คณะศิษย์นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนครพนมเพื่อรักษา แต่ท่านมีอาการอ่อนแรงจึงนำตัวกลับมาที่วัด กระทั่งมรณภาพอย่างสงบที่กุฏิ เวลา 13.34 น. วันที่ 31 พ.ค.2563 ท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติโยมและคณะสงฆ์อำเภอนาทม
สิริอายุ 96 ปี พรรษา 38