ประวัติ พระครูธรรมกิจจาภิบาล วัดดอยท่าเสา
พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม สุวณฺโณ) (นามเดิม: กลม นิยมเดช) อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ (พ.ศ. 2421 – พ.ศ. 2492) เป็นพระเกจิอาจารย์รูปสำคัญที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักยิ่งรูปหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมสมัยกับพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า (เกจิอาจารย์ยุคก่อน พ.ศ. 2500) ก่อนหน้าหลวงปู่ พระนิมมานโกวิท (หลวงปู่ทองดำ ฐิตวณฺโณ) ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ในยุคหลัง[1] [2] ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2492 ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เลื่องลือในด้านแคล้วคลาดและอยู่ยงคงกระพัน
ประวัติ
พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม) หรือหลวงพ่อกลม ท่านเป็นคนบ้านคุ้งตะเภา ตำบลท่าเสา แขวงบางโพ เมืองพิชัย (บ้านคุ้งตะเภา ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในปัจจุบัน) เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2421 มีชื่อเดิมว่า กลม นิยมเดช บิดาชื่อนายชื่น มารดาชื่อนางจันทร์ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุครบบวชเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2440 ณ พัทธสีมาวัดใหญ่ท่าเสา โดยมีพระอธิการอินทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์สี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุวณฺโณ”
ท่านได้รับแต่งตั้งจากพระครูวิเชียรปัญญามหามุนี (เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ในสมัยนั้น) ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2463 และท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆาธิการระดับต่าง ๆ ตามลำดับ เช่น ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด (เมื่อวันที่22 มีนาคม พ.ศ. 2466) ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ (เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2481) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะแขวงกิ่งฟากท่าในปี พ.ศ. 2482 (โดยเป็นอยู่ 6 เดือนจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าคณะแขวงท่าปลาในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน)
และด้วยการที่ท่านดำรงตำแหน่งทางคณะสงฆ์ ช่วยงานพระศาสนามาเป็นลำดับ มีผลงานปรากฏมากมาย ท่านจึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นที่ “พระครูธรรมกิจจาภิบาล” เมื่อปี พ.ศ. 2484[3]
ผู้ที่ยังทันเห็นท่านเล่าว่าในขณะที่ท่านดำรงชีวิตอยู่ หากดูจากภายนอกจะดูเป็นคนดุ พูดเสียงดังฟังชัด แต่จิตใจท่านเมตตาเสมอ ดังสำนวนที่ว่า ปากร้ายใจดี ใครจะบวชกับท่านต้องท่องขานนากให้ได้ ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่บวชให้ ท่านมักเป็นที่กล่าวถึงในคุณาภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องรูปหล่อที่ท่านได้จัดสร้างเช่น เหรียญกลมหลังท้องกระทะ รุ่นแรก (พ.ศ. 2483) และพระพุทธชินราช (พ.ศ. 2481) ซึ่งรวมไปถึงวัตถุมงคลที่ท่านได้ปรกจิตภาวนาด้วย เช่น เหรียญวัตถุมงคลหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน รุ่นแรก ไปจนถึงพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ซึ่งท่านได้ตั้งใจสร้างฝากถวายวัดบ้านเกิดของท่านเป็นครั้งสุดท้าย คือ หลวงพ่อสุวรรณเภตรา วัดคุ้งตะเภา (สร้างปี พ.ศ. 2491) อันเป็นพระพุทธรูปหล่อ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะงดงามมาก และเป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้ศรัทธาว่า อภินิหารของพระพุทธรูปองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบประดุจสรรพวิชาอาคมของหลวงพ่อกลมได้ถ่ายทอดมาลงอยู่ในองค์พระจนสิ้น
หลวงพ่อกลมมรณภาพเมื่อเมื่อเวลา 20.27 นาฬิกา. ของวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2492 หลังจากสร้างหลวงพ่อสุวรรณเภตราได้ปีเดียว
ปัจจุบัน แม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านมานาน แต่ก็ยังมีผู้เคารพศรัทธาชาวอุตรดิตถ์กล่าวขวัญถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อกลมอยู่เสมอมา ทำให้มีผู้นับถือแสวงหาเหรียญรูปหล่อบูชาของท่านเพื่อรักษาไว้เป็นสิริมงคลตลอดมาจนปัจจุบัน