ประวัติ ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล
พระอริยเจ้า แห่งอำเภอสันกําแพงองค์นี้ ท่านเป็นพระสุปฏิบัติเป็นยอดในยุคนี้ของภาคเหนือ ความเป็นบัณฑิตผู้บริสุทธิ์ของท่านนี้ ก็ได้เติบโตขึ้นมาจากกองทุกข์ เพราะบิดามารดามีฐานะยากจน
แต่การยากดี มีจน มิใช่กําแพงขวางกั้นความรู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นบัณฑิตเลย ตรงกันข้าม บุคคลทั้งหลายไม่ว่าชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ํา ถ้าแม้ได้รับการอบรมศึกษาในหมู่ของท่านผู้มีจรรยาธรรมแล้ว บุคคลผู้นั้นก็ได้ชื่อว่า “บัณฑิต” ได้เช่นกัน
การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของท่าน ได้รับการฝึกอบรมพระกรรมฐานจาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บิดาแห่งพระกรรมฐาน ซึ่งได้รับการชักนําจาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ และ หลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ผู้เป็นพระสหธรรมมิกจนได้พบกับหลวงปู่มั่น และมอบ ตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่บัดนั้นมา
หลวงปู่คําแสน เกิดเมื่อวัน อังคาร เดือน ๗ เหนือขึ้น ๑๕ ค่ํา ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๖ ณ บ้านสันโค้งใหม่ ต.ทรายมูล อ.สันกําแพง จ.เชียงใหม่
บิดาชื่อ นายเป็ง เพ็งทัน มารดาชื่อ นางจันทร์ตา เพ็งทัน ท่านเป็นคนที่ ๗ ในจํานวน ๘ คน
อายุ ๑๕ ปี บิดามารดาได้นํามาฝากเป็นลูกศิษย์วัดเพื่อศึกษาเล่าเรียน ท่านมีความขยันอดทนมาก พร้อมทั้งเจียมตนเสมอ เพราะบิดามารดาเป็นคนที่มีฐานะยากจน
อยู่วัดได้ ๒ ปี ท่านก็สามารถอ่านออกเขียนได้คล่องแคล่ว จนเป็นที่รักของครูบาอาจารย์ ประกอบด้วยนิสัยท่านเป็นคนอ่อนน้อม วาจาเพราะซื่อตรงดี
อายุ ๑๗ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร มีพระอธิการโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่วัดสันโค้ง และได้ศึกษาพระธรรมวินัยเป็น เวลา ๔ ปี สมัยเป็นสามเณร นับว่ามีภูมิธรรมมากทีเดียว
อายุได้ ๒๑ ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดดอนมูล เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ โดยมี ท่านพระอธิการโพธิ์ วัดสันโค้ง เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงปู่คําแสน คุณาลังกาโร บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ท่านได้อยู่ศึกษาพระวินัย เล่าเรียนพระสูตร ๓ พรรษา
ขณะอายุได้ ๒๔ ปี ท่าน ได้ทราบข่าวว่า ครูบาศรีวิชัย ถูกคุมขังอยู่ที่วัดศรีดอนชัย ท่านจึงเดินทางไปนมัสการ ทั้งๆ ที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องแคบ ๆ ได้รับทุกขเวทนาอย่างหนัก แต่ท่านก็ยังให้อุบายธรรมปฏิบัติแก่ หลวงปู่คําแสน ว่า
“ให้ภาวนา นโม จับลมหายใจ เข้า-ออก นั่นแหละ กรรมฐาน”
การเดินธุดงค์ ท่านไปทุกแห่งที่ได้ทราบว่ามีครูบาอาจารย์อยู่ที่นั่น ท่านจะไปขออุบายข้อแนะนําอยู่เสมอ ๆ เช่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ และได้ถวายตัวเป็น ศิษย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ฟังธรรมและอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน จนรู้แจ้งเห็นจริงแตกฉานในธรรมะมากขึ้นโดยลําดับ
หลวงปู่เที่ยววิเวกบําเพ็ญ ภาวนาธรรมไปท่ามกลางป่าเขา จากชายแดนไทยเข้าเขตประเทศ พม่าเมืองย่างกุ้ง ๓ เดือน แล้ววกกลับมาประเทศไทย เดินธุดงค์เรื่อยไปจนถึงภาคอีสาน และได้มาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เข้าปฏิบัติธรรมะอยู่กับ ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ที่วัดป่าสาลวัน
หลวงปู่คําแสน คุณาลังกาโร ท่านได้รับธรรมะอันลึกซึ้ง เป็นธรรมชั้นสูงแห่งจิตใจ เป็นสมัยออกมาจากนครราชสีมา เดินธุดงคกรรมฐานไปทางเหนือ และวกมาทางจังหวัดตาก เข้าเขต อ. แม่สอด
ณ ที่วิเวกเป็นป่าเปลี่ยวนี้ ท่านได้จําคําสอนของหลวงปู่มั่นได้ว่า
“ทําจริง ก็คงได้เห็นของจริง เท่านั้น” ท่านได้รับธรรมะที่นี่
ที่วัดดอนมูล ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ หลวงปู่ชราลงมาก ไม่สะดวกในการเดินธุดงค์แล้ว ประกอบด้วยหลวงปู่แหวนท่านก็หยุดการเดินธุดงค์ อยู่จําพรรษาบนดอยแม่ปั๋ง ซึ่งท่านติดต่อไปมาหาสู่กันเสมอ คงจะได้แนะนําให้ปฏิบัติอยู่กับที่ ท่านจึงมาอยู่จําพรรษาเสียที่ วัดดอนมูล ได้สร้างเสนาสนะไว้หลายอย่างเช่น พระอุโบสถ วิหาร โรงเรียน และที่วัดร้างม่วงชุม ท่านก็ได้ไปสร้างไว้เพื่อปฏิบัติธรรม อันอยู่ห่างจากวัดดอนมูลเพียง ๔๐๐ เมตรเท่านั้น !
หลวงปู่คําแสน คุณาลังกาโร แห่งวัดดอนมูล จ.เชียงใหม่ องค์นี้ท่านที่เป็นศิษย์ใกล้ชิดกับท่าน เคยเล่าว่า “หลวงปู่ท่านเป็นพระที่อาตมาเคารพมากที่สุด ! แม้จะเจ็บป่วยอย่างไร ท่านก็ไม่เคยหยุดพักการภาวนา ท่านเคยสอนพวกเราให้ปฏิบัติ แต่ด้วยความที่ไร้ปัญญาบารมี จึงมิได้เข้าศึกษากับท่านอย่างแท้จริง
เคยเห็นการภาวนาของหลวงปู่แล้ว ออกจะน่าเป็นห่วงอยู่มาก เพราะท่านไม่ยอมที่จะหยุดพักโดยไม่จําเป็น ท่านเคยพูดเสมอว่า
“การเจ็บป่วยของเราไม่สามารถหยุดการภาวนาไปได้เลย (นอกเสียจากความตายเท่านั้น… ลมหมดก็หมดเรื่อง ไม่ภาวนา แม้ไม่จบ หรือจบสุด แต่ความดีจะทําไป ไม่หวังอะไรเลย”
เป็นที่แน่ใจว่า การภาวนาธรรมก็ดี การเดินจงกรมก็ดี แม้การออกธุดงคกรรมฐาน ท่านกระทําลงไปเพื่อความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น ท่านไม่ได้คํานึงว่า จะเป็นอะไร ท่านจะสําเร็จหรือไม่
แต่การปฏิบัติธรรมของหลวงปู่คําแสน คุณาลังกาโร ดําเนินไปเพื่อความพ้นทุกข์เท่านั้น
ธรรมปฏิบัติ ซึ่งถ้าจะนับตั้งแต่การเริ่มฝึกสมถกรรมฐานกับท่านครูบาศรีวิชัยแล้ว ท่าน ก็ได้อาศัยหลักธรรมของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มาโดยตลอด
การเดินธุดงค์ร่วมกับท่าน พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม นั้น หลวงปู่คําแสน เคยได้รับธรรมที่เกิดขึ้นภายในจิตใจอย่างท่วมล้น เป็นธรรมกิริยาที่เกิดขึ้นจากปัญญาโดยแท้ และคุณธรรมอันวิเศษนั้นเอง หลวงปู่ได้ไปปฏิบัติธรรมกรรมฐานอยู่เป็นประจําที่วัดป่าม่วงชุม (อันเคยเป็นวัดร้างมาก่อน) แต่สําหรับวัดดอนมูลนั้น เป็นที่ไม่เหมาะแก่การภาวนา เพราะกลับกลายเป็นวัดพัฒนาเป็นวัดที่ชาวบ้านมาเที่ยวส่งเสียงทําลายสมาธิในการพากเพียรไปแล้ว
หลวงปู่คําแสน คุณาลังกาโร ท่านเป็นที่พึ่งทางใจของชาวอําเภอสันกําแพง โดยแท้ คณะศรัทธาจากแหล่งต่าง ๆ ในทุกภาค ต่างก็เดินทางขึ้น-ลงอยู่เป็นประจํา เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
นับได้ว่า หลวงปู่คําแสน เป็นพระสุปฏิบัติที่มีความสําคัญยิ่ง เราจึงมีความมั่นใจว่า
หลวงปู่คําแสน คุณาลังกาโร ท่านเป็นพระอริยเจ้าผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง