ประวัติอาจารย์เอียดดำ วัดในเขียว

ประวัติอาจารย์เอียดดำ วัดในเขียว

   เหรียญอาจารย์เอียดดำ นับเป็นเหรียญยอดนิยมหนึ่งในเหรียญเบญจภาคี ของเมืองนคร เป็นที่ต้องการของใครหลายๆคน พุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอด

    พระเกจิอาจารย์ ชื่อดัง ตามประวัติ หลวงพ่อเอียดดำ บวชเณรตั้งแต่อายุ 12 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดยวนแหล อุปสมบทเป็นพระที่วัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูกาชาด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า อริยวังโส เมื่ออาจารย์เอียดอุปสมบทได้ซักระยะหนึ่ง ท่านก็ออกธุดงค์ ไปตามป่าเขาต่างๆ ค่ำที่ไหนปักกลดที่นั่น ผจญสัตว์ป่าและภยันตรายต่างๆ อาจารย์เอียดดำท่านธุดงค์หลายปีได้พบเจอแลกเปลี่ยนศึกษาวิชาอาคมกับพระอาจารย์ต่างๆมามาก ท่านธุดงค์ไปจนถึงเขตประเทศพม่า และเมื่อท่านเดินทางกลับสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้จำพรรษาที่วัดศาลาไพ

     อาจารย์เอียดดำได้นำวิชาความรู้ด้านไสยเวทที่เชี่ยวชาญชำนาญการยิ่งสงเคราะห์ญาติโยมจนชื่อเสียงกิติศัพท์โด่งดังไปกว้างไกล ดังนั้นในราวปี 2482 ชาวบ้านจึงขอให้ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้นบ้าง ซึ่งท่านก็ได้สร้างเสื้อยันต์ผ้าประเจียดตะกรุดและเครื่องรางของขลังต่างๆ อีกทั้งมอบหมายให้ นายไข่ คะงา ไปจัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมากวัตถุมงคลทั้งหมด พ่อท่านเอียดดำประกอบพิธีปลุกเสก เดี่ยวตามลำพังซึ่งในห้วงนั้นคุณตาขุนพันธ์ก็ได้ไปอยู่ช่วยเหลือตามกำลัง เมื่อเสร็จพิธีกรรม ประจุพุทธาคมแล้ว พ่อท่านเอียดดำก็ได้แจกวัตถุมงคลให้แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ซึ่งก็ได้ปรากฏพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือ ความเก่งกล้าในวิชาคาถาอาคมของพ่อท่านเอียดดำเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว นครศรีธรรมราช แม้กระทั่งพระอาจารย์เขียวก็ยังดั้นด้นมาขอศึกษาวิชาอาคม ซึ่งในยุคถัดมาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศครั้นในปี 2484 ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพทหารญี่ปุ่นได้ยกกำลังขึ้นที่บ้านท่าแพ นครศรีธรรมราช ทหารกล้าฝ่ายไทยก็ได้ยกกำลังเข้าต่อต้านและในห้วงระยะนี้เองที่วัดศาลาไพจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าทหาร ซึ่งมาขอของดีคุ้มภัยพ่อท่านเอียดดำก็ได้มอบให้ทุกรายเป็นผ้ายันต์บ้างตะกรุดบ้าง ปรากฏว่าบรรดาทหารกล้าที่มีของดีอาจารย์เอียดดำติดกายอยู่รอดปลอดภัย บางรายโดนทหารญี่ปุ่นยิงจนล้มคะมำ แต่ก็ลุกขึ้นสู้ต่อเพราะอำนาจกระสุนไม่สามารถต้านอำนาจพุทธคุณได้ ดังนั้นประโยคที่ว่ามีของดี อาจารย์เอียดดำ แมลงวันไม่ได้กินเลือดก็ดังกระหึ่มไปทั่วแดนใต้

     ในยุคนั้นละแวกวัดศาลาไพนับเป็นถิ่นคนดุจนเรียกกันเป็นดงเสือแดนสิงห์ แต่หลวงพ่อเอียดดำก็ได้ใช้เมตตาธรรมอบรมสอนสั่งจนทุกคนประพฤติตนเป็นคนดีถ้วนทั่ว นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแล้ว หลวงพ่อเอียดดำยังเป็นพระนักพัฒนาจึงได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพจนรุ่งเรืองและยังได้ก่อสร้างโรงเรียนวัดศาลาไพในปี 2475 หลังจากที่ได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพและก่อสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จ หลวงพ่อเอียดดำจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์อีกครั้งจนได้พบว่าที่วัดในเขียวซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงได้อยู่จำพรรษาทำนุบำรุงวัดในเขียวอีกแห่ง ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ไปๆ มาๆ ระหว่างวัดศาลาไพและวัดในเขียวซึ่งเดินทางโดยเท้าเปล่า จนกระทั่งในปี 2486 เมื่อท่านพิจารณาเห็นว่าทางวัดศาลาไพได้เจริญรุ่งเรืองสมดังเจตนาแล้ว แต่ทางวัดในเขียวยังต้องพัฒนาอีกมาก จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่วัดในเขียวเป็นการถาวรจนกระทั่งได้ละสังขารที่วัดในเขียวในปี 2495 และทางวัดได้เก็บรักษาสังขารของอาจารย์เอียดดำ ท่านใว้จนถึงปี 2499 จึงได้ทำการฌาปนกิจ “หลวงพ่อเอียดดำ” ท่านเป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์และบุคคลทั่วไป เอกลักษณ์และคุณวิเศษที่เลื่องลือ คือการสรงน้ำ 7 วัน อาบน้ำ 1 ครั้ง โดยไม่มีใครเห็นและไม่มีกลิ่นตัว ท่านใช้พระคาถาปราบช้าง ขณะที่ช้างกำลังตกมันได้ ท่านใช้คาถาปราบสัตว์ที่ดุร้าย เช่น เสือ หมี งู และท่านสามารถห้ามฝนตกได้ ทุกครั้งที่แถวนั้นมีงานชาวบ้านมักจะนิยมไปบนบานบอกกล่าวกับรูปหล่อหลวงพ่อเอียดดำ ซึ่งแต่ละคนได้ประจักษ์เรื่องประสบการณ์ด้านค้าขายร่ำรวย โชคลาภและแคล้วคลาดปลอดภัยมากมาย

    วัดอ้ายเขียว-วัดในเขียว (คงคาวง) ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2420 ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2497 เหตุที่ชื่อว่าวัด คงคาวง เพราะอยู่ใกล้โขงเขาจดคลองในเขียวหรือ อ้ายเขียว ซึ่งไหลอ้อมเป็นวงรอบบริเวณที่ตั้งของวัด หมายถึง มีลำคลองไหลผ่าน ล้อมรอบเป็นวง จึงเรียกว่า วัดคงคาวง และ มีลำธารไหลผ่านตอนกลาง รวมถึงมีเหวลึกแบ่งเขตวัดเป็น 2 ส่วน ภายในพระอุโบสถวัดคงคาวง (อ้ายเขียว) ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระพุทธสิหิงค์ พระเครื่องอาจารย์เอียดดำ และเครื่องรางที่ท่านหลวงพ่อเอียดดำสร้างเป็นที่ต้องการของทุกคน พุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอด อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ของ ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช พ่อท่านเขียว วัดหรงบน และพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน