ประวัติพ่อท่านปลอด วัดหัวป่า

ประวัติพ่อท่านปลอด วัดหัวป่า

พระครูพิศิษฐ์ปุญญสาร หรือหลวงพ่อปลอด ปุญฺญสฺสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวป่า ตำบลตะเครียะ (ปัจจุบันอยู่ในท้องที่ตำบลบ้านขาว) อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นพระผู้ทรงวิทยาคมเรืองวิทยาเวทย์ บำเพ็ญตนในเพศสมณะที่สมบูรณ์ด้วยศีลจริยวัตรอันงดงาม กอปรด้วยวัตรปฏิบัติอันสมถะสันโดษ ปราศจากมลทินมัวหมองใด ๆ จนมรณภาพ พลังจิตแก่กล้าด้วยเมตตาธรรม เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ครองจิตใจชาวบ้าน และผู้คนทั่วไป พุทธศาสนิกชนต่างซาบซึ้งในเกียรติประวัติของท่าน

พระครูพิศิษฐ์บุญสาร (หลวงพ่อปลอด บุญฺญสฺสโร) นามเดิมว่าปลอด นามสกุลอ่อนแก้ว ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปี จอ ตรงกับวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ (จ.ศ. ๑๒๖๐) หมู่ที่ ๔ ตำบลตะเครียะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ของนายสุข นางฝ้าย อ่อนแก้ว สำหรับพี่น้องได้แก่ นายดำ อ่อนแก้ว นางกิมเนี่ยว อ่ำปลอด พระครูพิศิษฐ์บุญสาร (หลวงพ่อปลอด ปุญญสฺสโร) นายเถื่อน อ่อนแก้ว นายถั้น อ่อนแก้ว และนางซุ่นเนี่ยว อ่อนแก้ว เด็กชายปลอด อ่อนแก้ว เป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นบุตรที่อยู่ในโอวาทของบิดามารดา เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาโอบอ้อมอารี เป็นที่รักของญาติพี่น้อง ครั้นพออายุควรแก่การศึกษา บิดาจึงได้นำไปฝากพระอธิการคง ฆงฺคสฺสโร เจ้าอาวาสวัดหัวป่าในขณะนั้น เพื่อศึกษาภาษาไทย อักษรขอมและอักษรสมัยใหม่ต่าง ๆ ซึ่งพระอธิการคง ได้รับไว้เป็นศิษย์และสอนให้ด้วยตนเอง จนกระทั่งมีความรู้ความสามารถอ่านออกเขียนได้ เด็กชายปลอดได้รับการศึกษาอบรมด้านพระธรรมวินัย ครั้นอายุได้ ๑๙ ปี เกิดเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงได้ขอบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๕๙ ณ วัดหัวป่า โดยมีพระอธิการคง ฆงฺคสฺสโร เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาแล้ว สามเณรปลอดก็ได้ศึกษาวิชาวิทยาเวทย์ และคาถาอาคมต่าง ๆ จากหลวงพ่อคง ด้วยความเป็นผู้มีความเพียรสูง จึงได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ จากหลวงพ่อคงได้อย่างรวดเร็ว พออายุครบที่จะอุปสมบทสามเณรปลอดก็ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๔๖๐ ตรงกับขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็ง ณ วัดหัวป่า โดยพระอธิการคง ฆงฺคสฺสโร เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระสุก ธมฺมสโร เป็นกรรมวาจาจารย์และพระชู ติสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปุญญสสโร” พออายุได้ ๓๕ ปี พรรษาที่ ๑๔ สอบได้นักธรรมตรี (นวกภูมิ) ณ สำนักเรียนวัดหัวป่า เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ อายุ ๓๘ ปี พรรษาที่ ๑๗ สอบได้นักธรรมโท (มัชฌิมภูมิ) ณ สำนักเรียนวัดหัวป่า เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ และวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๑๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นที่ “พระครูพิศิษฐ์บุญสาร”

พระครูพิศิษฐ์บุญสาร (หลวงพ่อปลอด บุญฺญสฺสโร) นอกจากความรู้ทางธรรมแล้ว ท่านยังได้ศึกษาเกี่ยวกับวิทยาเวทย์จากอาจารย์ ที่มีความรู้เรื่องไสยเวทย์ไม่ว่าจะเป็นสมณะชีพราหมณ์หรือเพศฆราวาสได้ศึกษาภาษาขอมจากพระอาจารย์ไข่ ศึกษาวิธีทำตะกรุดพิศมรจากอาจารย์ทวดทองขาวซึ่งเป็นฆราวาสและผู้เรืองวิทยาเวทย์แก่กล้ามาก โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ศาสตราอาวุธทั้งหลายไม่สามารถทำอันตรายได้เลย นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากอาจารย์เพิ่ม ซึ่งเป็นฆราวาสอยู่ที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และจากพระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ต่าง ๆ อีกมากมายจนรู้แตกฉานทางวิทยาคมในแขนงต่าง ๆ จนในที่สุดได้เป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกในงานต่าง ๆ นับครั้งไม่ถ้วน พระครูพิศิษฐ์บุญสาร (หลวงพ่อปลอด บุญฺญสฺสโร นับเป็นพระอริยะสงฆ์ ที่เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมและเมตตาจิตรเป็นพระเถราจารย์ ที่สำคัญรูปหนึ่งของภาคใต้ ท่านเป็นภิกษุที่มีความเมตตายินดีรับทุกข์ของทุกคนที่ไปขอความช่วยเหลือช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ ของผู้เดือดร้อน เป็นศูนย์กลางความสามัคคีใครทะเลาะวิวาทกันก็เรียกมาพูดคุย จนกระทั่งคู่กรณียอมรับในคำตัดสิน แม้ในยามวิกาลซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ถูกงูพิษกัดได้รับการรักษาจนรอดปลอดภัยทุกราย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงในละแวกบ้าน จนชาวบ้านเรียกท่านติดปากว่า “พระอาจารย์ปลอด” หรือ “พ่อท่านปลอด” ในทางวิชาแพทย์แผนโบราณหลวงพ่อปลอด เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการบำบัดรักษาโรคนานาชนิด เช่น การรักษาผู้วิกลจริต หรือเสียสติ การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ติดยาเสพติด ผู้ถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย โดยเฉพาะวิชาสยบแมลงป่อง วิชาผสานพลังจิต เป็นที่เลื่องลือยิ่งนัก ท่านจึงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้ตกทุกข์ได้ยาก เป็นผู้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมช่วยเหลือทางราชการในการรักษาพยาบาล เนื่องจากสมัยนั้นโรงพยาบาลของรัฐมีไม่เพียงพอและอยู่ห่างไกลการคมนาคมไม่สะดวก นอกจากนั้นท่านยังมีพลังจิต มีพลานุภาพในการทำน้ำพระพุทธมนต์เพื่อขจัดปัดเป่าผู้ที่ถูกคุณไสยหรือผีเข้าล้างสิ่งอัปมงคล และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์คือท่านมีวาจาสิทธิ์พูดอะไรจะเป็นไปตามที่พูดเสมอ ในแต่ละปีทางวัดจะจัดพิธีสรงน้ำหลวงพ่อปลอดในเดือน ๕ (เมษายน) ของทุก ๆ ปี บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายเฉพาะผู้ชายจะหมอบลงกับพื้น เริ่มที่ประตูห้องตลอดไปตามแนวระเบียงนอกชานกุฏิจนถึงสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ของวัดจัดไว้เป็นที่ให้ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปมาสรงน้ำโดยทุกคนต้องการให้หลวงพ่อเหยียบบนร่างกายของตนเพื่อเป็นสิริมงคลพร้อมกับอธิษฐานขอพรตามปรารถนา

ด้านอิทธิปฏิหาริย์

อันเนื่องจากวัตถุมงคลนานาชนิดของหลวงพ่อปลอด ที่บรรดาลูกศิษย์ได้นำไปติดตัวบูชากราบไหว้ มีประสบการณ์จากบุคคลต่าง ๆ ซึ่งได้รวบรวมไว้ ดังนี้

๑. ส.ต. โสภณ แก้วจันทร์ ไปราชการสงคราม เวียดนามรุ่นแรก ก่อนเดินทางไปราชการเวียดนาม ได้ไปขอวัตถุมงคลจากหลวงพ่อปลอด ได้รับพระรูปเหมือนหลวงพ่อคง เนื้อผงว่าน และผ้ายันต์ที่หลวงพ่อแผ่เมตตาติดตัวไป ปรากฏว่าในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบ ถูกกระสุนปืนและสะเก็ตระเบิดเต็มตัวแต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะปลอดภัยไม่มีแม้กระทั่งบาดแผล

๒. นายเสาร์ เกิดขัดใจกันด้วยเหตุผลส่วนตัว กับนายเจริญ (ยามเยี้ยน) ศรีนอง และไม่สามารถตกลงกันได้ ในที่สุดเกิดท้าดวลปืนกันขึ้นข้างโรงสูบน้ำชลประทาน ที่ข้างวัดหลวงพ่อนั่นเอง ทั้งสองฝ่ายสาดกระสุนเข้าหากันจนกระสุนหมดรังเพลิง ปรากฏว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกระสุนเลย ในที่สุดจึงหันหลังแยกจากกันไป

๓. นายปลอด ทองศรีนุ่น ขณะนั้นอายุประมาณ ๔๐ ปี เป็นราษฎรบ้านหัวป่า เดินผ่านวงสุราในยามวิกาลคนในวงสุราถามว่าใคร นายปลอดก็บอกว่าเราเอง สิ้นเสียงตอบก็ได้ยินเสียงปืน ปรากฎว่าคอสุราได้ยิงปืนมาที่นายปลอดแต่ไม่ถูกนายปลอดเป็นศิษย์หลวงพ่อ และมีรูปเหมือนหลวงพ่อคงเนื้อว่านติดตัวอยู่ตลอดเวลา

๔. นายเปรม เทพไชย ขณะที่รับราชการเป็นเจ้า หน้าที่ป่าไม้อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ขณะออกตรวจท้องที่ที่ตำบลตะแพน อำเภอควนขนุน พร้อมด้วยคณะ ได้พบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ประมาณ ๗-๘ คน มีอาวุธครบมือกันทุกคน ได้ยิงต่อสู้กันในระยะใกล้ชิด ในที่สุดผู้ก่อการร้ายถูกยิงตาย ๑ คน จับเป็นได้ ๔ คน นายเปรมปลอดภัย และเล่าว่าขณะที่มีการต่อสู่ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย ขวัญและกำลังใจดีมาก เนื่องจากมีพระรูปเหมือนหลวงพ่อคงเนื้อว่าน พร้อมพระคาถาที่หลวงพ่อปลอดมอบให้

๕. นายเข้ม ทองวัน อยู่บ้านเลขที่ ๗๕ หมู่ที่ ตำบลต้นญวน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอาชีพทำสวน และเป็นผู้รักษาผลประโยชน์ของบริษัท ช.วนกิจ จำกัด นายเข้มถูกนักเลงประจำถิ่นให้ไปพบ จึงไปตามนัดพร้อมกับเพื่อนอีก ๖ คน นายเข้ม มีอาวุธประจำตัวคือ ปืน ๑๑ มม. ๑ กระบอก ส่วนลูกน้องมีลูกซองยาว ๕ นัด ๑ กระบอก นายเข้มถูกรุมล้อมจากฝายตรงข้าม ๕ คน แล้วถูกล็อคคอและถูกแย่งปืน ลูกน้องก็ช่วยไม่ถนัดเพราะเป็นการต่อสู้ประชิดตัว นายเข้มก็ถูกยิงด้วยปืนลูกซองสั้นในลักษณะคร่อมตัวแล้วยิง แต่ปรากฏว่ากระสุนไม่ถูกนายเข้ม ครั้นพอนายเข้มแย่งปืนจากฝ่ายตรงข้ามได้ ฝ่ายตรงข้ามก็วิ่งหนีหมด นายเข้มได้กล่าวว่าตนมีกำลังใจดีมากและไม่หวาดกลัวอะไรเลย เพราะมีพระกริ่งรูปเหมือนหลวงพ่อปลอด และพระผงเนื้อว่านหลวงพ่อปลอดติดตัวอยู่

๖. นายทวี ทิพย์รองพล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ พัทลุง-หาดใหญ่ พบเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น เมื่อพบกับผู้ก่อการร้ายประมาณ ๖-๗ คน มีอาวุธครบมือ ในระหว่างเส้นทางจากทางแยกรัตภูมิ–หาดใหญ่ ในช่วงที่ทางเบี่ยงและขึ้นเนิน รถไม่สามารถวิ่งเร็วได้ กลุ่มผู้ก่อการร้ายออกมาทำสัญญาณให้หยุดรถ นายทวีตัดสินใจไม่หยุด และตะโกนบอกผู้โดยสาร ๖ คน ซึ่งเป็นคนเดินตลาดของบริษัทซิงเกอร์ จำกัด ให้หมอบต่ำลงกับพื้นรถ และเหยียบคันเร่งเต็มที่ จึงถูกผู้โดยสารยิงพรุนไปทั้งคัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย นายทวีมีผ้ายันต์มหาอุด (ปิดตา) ของหลวงพ่อปลอดเพียงผืนเดียว ทำให้ปลอดภัยทั้งคันรถ

๗. พระธำรงค์ เพชรศรี ขณะเป็นฆราวาสขับรถ แทรกเตอร์ให้เถ้าแก่เพียร อินแก้ว ที่ตำบลท่าหิน อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา วันหนึ่งเวลาประมาณ ๒ ทุ่ม ขณะขับรถแทรกเตอร์กลับบ้าน หลังจากเสร็จงานถูกคนร้ายประมาณ ๑๐ คน และหนึ่งในนั้นใช้ปืนขนาด ๑๑ มม. ยิงแต่กระสุนไม่ถูกเพราะพระธำรงค์ มีพระรูปเหมือนหลวงพ่อคงเนื้อว่านติดตัวอยู่เสมอ

๘. นายฟื้น เหมือนเพชร อยู่ที่ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ในตอนเช้ามืดทุกวันนายฟื้นจะออกไปส่งภรรยา (นางเสงี่ยม) ซึ่งมีอาชีพขายของในจังหวัดพัทลุง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เวลาประมาณ ๐๔.๓๐ น. ขณะที่นายฟื้นออกไปส่งภรรยา ปรากฎว่ามีคนร้าย ๒ คน ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงพร้อมกันทั้ง ๒ กระบอก รวม ๖ นัด เสียงดังสนั่น ปรากฎว่ากระสุนไม่ถูก นายฟื้นมีเชือกรัดประคดของหลวงพ่อนิดเดียว ซึ่งได้รับส่วนแบ่งมาจากเพื่อนใส่กล่องไม้ขีดไฟติดตัวไว้เท่านั้น

๙. นายอ้น โลหะประเสริฐ พนักงานชลประทานหัวป่า ขับรถปิกอัพกลับจากอำเภอหัวไทร เพื่อกลับสำนักงานชลประทานพร้อมด้วยช่างและเพื่อนพนักงาน อีก ๔-๕ คน ระหว่างทางปรากฎว่าเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้าหารถ นายอ้นซึ่งระวังอยู่ก่อนแล้ว จึงหักพวงมาลัยหลบกระทันหันเพื่อเปลี่ยนทิศทางให้รถแฉลบเพื่อให้พ้นจากการชนเด็ก พร้อมตะโกนเรียกหลวงพ่อปลอด หลวงพ่อคง และทวดทองใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นายอ้นเคารพนับถือให้ช่วยเป็นที่ น่าอัศจรรย์ยิ่งนักและสิ้นเสียงเรียกปรากฎว่ารถลอยขึ้นทั้งคันคล้ายมีคนยกหันหัวรถกลับไปในทิศทางที่ขับมาและจอดนิ่ง เครื่องยนต์ดับ เด็กไม่ได้รับอันตราย ส่วนทุกคนบนรถปลอดภัยหมด โดยนายอ้นมีสร้อยแขวนบูชาไว้ที่หน้ารถ ที่สร้อยมีพระกริ่งรูปเหมือนลอยองค์หลวงพ่อปลอด พระรูปเหมือนหลวงพ่อคงเนื้อผงว่าน และผ้ายันต์หลวงพ่ออีกหนึ่งผืนเท่านั้น

๑๐. นายสุพล ชุมเพชร และนายวิเชียร หนูน้อย อยู่บ้านปากบางตะเครียะ ตำบลตะเครียะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เมื่อประมาณเดือนเมษายนปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ทั้งสองเดินทางไปที่สถานีรถไฟจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายสุพลจะกลับกรุงเทพฯ ส่วนนายวิเชียรจะกลับไสใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลมีคนเข้าแถวซื้อตั๋วรถไฟกันมาก นายสุพลจึงได้ชวนนายวิเชียรไปหาซื้อหนังสือพิมพ์ เพื่อนั่งอ่านก่อน แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปที่ร้านหนังสือพิมพ์ นายสุพลได้ยินเสียงมากระซิบที่หูเป็นภาษาปักใต้ว่า “พวกสูไปซื้อตั๋วเสียก่อนลอง” หมายความว่าให้ทั้งสองไปซื้อตั๋วรถไฟเสียก่อน นายสุพลจึงชวนนายวิเชียรไปซื้อตั๋วตามได้ยิน แต่ยังไม่ทันได้ไปซื้อตั๋วไม่ถึง ๑ นาทีทันใดนั้นเองได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นที่ร้านขนมจีน ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายหนังสือพิมพ์มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งสองคนกลับแคล้วคลาดปลอดภัยด้วยอภินิหารของหลวงพ่อปลอดหน้าคงหลัง ปัจจุบันนายสุพลทำงานที่กรมสรรพาวุธทหารบก เขตดุสิต กรุงเทพฯ ส่วนนายวิเชียรทำงานที่สหกรณ์การเกษตร อำเภอระโนด

๑๑. นางสวน ศิริวิโรจน์ อยู่ที่หมู่ที่ ๓ ตำบลตะเครียะ อำเภอระโนด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒ นางสวนจะเดินทางไปจังหวัดพัทลุง กับหลานชายชื่อนายชัยรัตน์ วิวัฒน์สวัสดินนท์ โดยรถยนส่วนตัวของหลานชายขณะที่รถวิ่งมาถึงบ้านชายเคืองรถเกิดเสียหลักพุ่ง ชนหลักกิโลเมตร รถจะตกลงในคูน้ำซึ่งลึกประมาณ ๓ เมตร สภาพรถพังเสียหายยับเยิน แต่ทั้งสองคนปลอดภัย โดยที่นางสวนได้พกพาพระกริ่งรูปหลวงพ่อปลอดติดตัว และอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ นางสวนได้ไปซื้อของที่ตลาดระโนดขณะกำลังซื้อของได้เปิดกระเป๋าหิ้วได้พบว่า กระเป๋าถูกกรีดเป็นรอยหลายรอย แต่เงินในกระเป๋าไม่สูญหายแม้แต่น้อยด้วยเหตุนั้นในกระเป๋ามีพระกริ่งรูป หลวงพ่อปลอดอยู่ด้านข้างกระเป๋า

๑๒. คุณนิรุตติ์ ลิ้มสุวรรณ อยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผู้ที่ชีวิตรอดมาได้จนมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะบารมีของหลวงพ่อปลอดและหลวงพ่อคง เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๔ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๐๘.๓๐ น. ขณะที่คุณนิรุตติ์ ลิ้มสุวรรณ ยืนรอรถเพื่อนอยู่ที่ถนนเพชรเกษม ตรงข้างเมืองใหม่ ๙ (หน้าร้านอาหารครูสุนันท์ ควนลัง) ได้มีวัยรุ่น ๒ คน ขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้า แล้วชักปืน .๓๘ ยิงในระยะเผาขน นัดแรกกระสุนโดนหน้าอกด้านซ้ายบริเวณหัวใจเต็ม ๆ เสื้อขาดเป็นรูพรุนเพราะรอยกระสุน เจ้าตัวทรุดนั่งลงกับพื้นเอามือลูบที่หน้าอกไม่เห็นเลือด ทำให้เกิดกำลังใจ ตัดสินใจสู้เลยโดนยิงซ้ำเข้าด้านข้างลำตัว ๑ นัด แล้วโดนข้างหลังอีก ๓ นัด รวมทั้งหมดโดนกระสุนไป ๕ นัด แต่ไม่น่าเชื่อเสื้อขาดเป็นรูพรุน กระสุนไม่เข้าเนื้อแม้แต่นิดเดียว ที่คอนั้นห้อยหลวงพ่อคงเนื้อผงสีขาว พิมพ์เล็ก ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายที่หลวงพ่อปลอดปลุกเสกในช่วงเข้าพรรษา ปี ๒๕๓๖

๑๓. คุณสุจิต อ่อนประเสริฐ ชาวอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา โดนระเบิดที่สะบ้าย้อย เพื่อน ๆ อึก ๔ คนเสียชีวิตหมด รอดชีวิตมาได้เพราะอภินิหารของหลวงพ่อปลอด (ที่คอห้อยพระกริ่ง รุ่น ๕ เนื้อโลหะผสม)

ตามที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีบุคคลอีกมากมาย ที่ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระครูพิศิษฐ์บุญสาร (หลวงพ่อปลอด บุญฺญสฺสโร) เป็นพระเถราจารย์ที่ทรงวิทยาเวทย์ ประกอบด้วยศิลาจริยาวัตรอันงดงาม มีความสมถะสันโดษไม่ลุ่มหลงในลาภสักการะใด ๆ อาศัยอยู่กุฏิธรรมดานอนกางมุ้งพบปะได้ง่ายมีความเมตตาสูง พุทธานุภาพพระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อปลอดจึงมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์สามารถปกป้องรักษาคุ้มครองให้ปลอดภัยนานาประการ” ปัจจุบันร่างขององค์ท่านนอนสงบนิ่งในโลงแก้ว ณ กุฏิเดิมของท่าน วัดหัวป่า ร่างของท่านเป็นอมตะ ไม่เน่า ไม่เปื่อย ผมและเล็บงอกเงยเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป เมื่อเข้ากราบไห้ว บนบาน องค์ท่านรับหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจะสมดั่งใจหมาย สำเร็จในสิ่งที่คิดจะทำ”